สถานที่ท่องเที่ยวในต่างประเทศ2007-05-06 13:42:40
สถานที่ท่องเที่ยว
หอเอนเมืองปีซา
หอเอนเมืองปีซา (The Leaning Tower of Pisa)
หอเอนเมืองปีซา ตั้งอยู่ที่เมืองปีซา ประเทศอิตาลี เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสูง 181 ฟุต เริ่มสร้างเมื่อค.ศ. 1174 แต่การก่อสร้างต้องหยุดชะงักลงเมื่อก่อสร้างไปได้ประมาณ 4-5 ชั้น เนื่องจากพื้นดินใต้อาคารเริ่มยุบลงจากการที่รากฐานของอาคารไม่มั่นคงพอ อย่างไรก็ตามต่อมาได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยเมื่อ ปีค.ศ. 1350 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงบางส่วนของโครงสร้างด้านบนไปจากแผนผังเดิมเพื่อถ่วง ดุลกับการเอียงของหอ โดยรวมระยะเวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 176 ปี แต่ตัวหอก็ยังเอนไปจากแนวตั้งฉากถึง 14 ฟุตปัจจุบันนี้ได้ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมข้างบนแล้ว เนื่องจากว่าหอจะเอนลงเรื่อยๆ ซึ่งบรรดาวิศวกรกำลังหาทางที่จะหยุดยั้งการเอนและอนุรักษ์ให้มีสภาพเอียง ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ชมไปอีกนานๆ สำหรับหอเอนปิซานี้ภายในมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายด้วยฝีมือจิตรกรชื่อ ดังแห่งยุคได้สลักลวดลายไว้สวยงามมาก ณ ที่หอเอนปิซาแห่งนี้เป็นที่ที่กาลิเลโอขึ้นไปทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับแรงดึงดูดของโลก
สนามกีฬาแห่งกรุงโรม
สนามกีฬาแห่งกรุงโรม (The colosseum of Rome)
สนามกีฬาแห่งกรุงโรม เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียนแห่งอาณาจักรโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิติตัส (Titus) ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือ ประมาณปี ค.ศ. 80 อัฒจันทร์เป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน ใต้อัฒจรรย์มีห้องใต้ดินที่สร้างขึ้นเพื่อขังสิงโตและนักโทษประหาร ก่อนปล่อยให้ออกมาต่อสู้กันกลางสนาม นอกจากนี้ยังใช้เป็นสถานที่ประลองฝีมือของเหล่าอัศวินในยุคนั้น ปัจจุบันยังคงเหลือโครงสร้างเกือบสมบูรณ์ตั้งเด่นเป็นโบราณสถานที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทั่วโลก
คาตาโกมบ์
สุสานแห่งอเล็กซานเดรีย
(The Catacombs of Alexandria)
สุสาน แห่งอเล็กซานเดรีย มีชื่อเรียกว่า คาตาโกมบ์ ตั้งอยู่ที่เมืองอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ เป็นสุสานฝังศพใต้ดินของกษัตริย์อียิปต์โบราณ ไม่ปรากฎหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง เป็นสุสานของใคร และสร้างเมื่อใด ลักษณะของสุสานไม่เหมือนกับปีรามิดคือจัดสร้างเป็นอุโมงค์ใต้ดินขุดลึก เข้าไปในภูเขาหินทราย ทำเป็นชั้นๆ และมีช่องทางเดินกว้างประมาณ 3-4 ฟุตวกเวียนไปมาเป็นระยะทางหลายไมล์ภายในอุโมงค์บางตอนตกแต่งอย่างสวยงาม ที่บรรจุดพระศพคือผนังอุโมงค์ที่เจาะเป็นช่องลึกเข้าไป มีแท่นบูชาวางด้วยตะเกียงดวงเล็กๆแขวนไหว้ด้านหน้า ปัจจุบันสุสานแห่งอเล็กซานเดรียได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงสภาพ สมบูรณ์อีกแห่งหนึ่ง
กำแพงเมืองจีน
กำแพงเมืองจีน (The Great Wall of China)
กำแพงเมืองจีนสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 332 - 339 โดยจิ๋นซีฮ่องเต้ เป็นกำแพงอิฐที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งยาวประมาณ 2400 กิโลเมตร เพื่อป้องกันการรุกรานจากชาวตาตาร์ กำแพงสร้างด้วยดิน หิน และก่ออิฐโดยรอบ มีการสร้างป้อมปราการประมาณ 15,000 แห่ง มีฐานกว้างประมาณ 20 ฟุต ทางเดินกว้างประมาณ 12 ฟุต สูงประมาณ 25 ฟุต มีระฆังบอกเหตุประมาณ 20,000 หอ ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 10 ปี โดยแรงงานของประชาชนนับล้านคนและมีผู้เสียชีวิตในระหว่างการสร้างประมาณหมื่นคน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอสมควร ปัจจุบันกำแพงเมืองจีนได้รับการบูรณะซ่อมแซมในส่วนที่ชำรุดเสียหาย ซึ่งทำให้กำแพงเมืองจีนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสภาพสมบูรณ์สวยงาม
สโตนเฮนจ์
สโตนเฮนจ์ (Stonehenge)
กองหินประหลาด ประกอบด้วยกองหินขนาดใหญ่จำนวนถึง 112 ก้อน และแต่ละก้อนทรงสูง บางก้อนล้มนอน บางก้อนตั้งตรง บางก้อนวางทับซ้อนิยู่บนยอด วงหินรอบนอกมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 100 ฟุต หินที่เรียงรายอยู่ทั้งหมดถึง 30 ก้อน ล้วนแต่ก้อนขนาดมหึมา สูงถึง 13 ฟุต และหนักเป็นตันๆ ทั้งนั้น อายุของหินเล่านี้มีมานาน ตั้งแต่ก่อนสมัยคริสตกาลถึง 1,700 ปี ไม่มีประวัติแจ้งไว้ว่าใครเป็นผู้นำมาวาง และมาวางเพื่อประสงค์อะไร กองหินประหลาดแห่งนี้ อยู่กลางทุ่งนาอันกว้างขวาง แห่งเมืองซัสลิสเบอรี่ มณฑลวิลไซร์ ประเทศอังกฤษ ห่างจากกรุงลอนดอนประมาณ 10 ไมล์ ตามทางสันนิฐานของนัวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ว่า กองหินประหลาดแห่งนี้ เป็นแหล่งกำเนิดของการโคจรของพระอาทิตย์ และพระจันทร์ได้ด้วย รัฐบาลอังกฤษ ได้เปิดสถานที่ที่มีกองหินประหลาดนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ในปี ค.ศ. 1918 และจนกระทั่งปัจจุบันนี้ยังมีผู้ไปเที่ยวชมจำนวนมาก และก็จัดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลกยุคกลาง
เจดีย์กระเบื้องเคลือบนานกิง
เจดียกระเบื้องเคลือบนานกิง (The Porcelain Tower of Nanking)
เจดีย์กระเบื้องเคลือบนานกิง ตั้งอยู่ที่เมืองนานกิงที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศจีน สร้างขึ้นในสมัยของราชวงศ์เหม็ง เมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 15 ตัวเจดีย์มีลักษณะทรงสูงรูปแปดเหลื่ยม หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียว แขวนกระดิ่งไว้ 80 ลูก โดยรอบเจดีย์ก่อด้วยอิฐประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ ยอดปลายแหลมของเจดีย์เป็นรูปทรงกลมต่อกันขึ้นไปและเคลือบด้วยทอง แต่เจดีย์องค์เดิมมี 3 ชั้น ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิยุ่งโล้แห่งราชวงค์เหม็งประมาณ พ.ศ. 1973 ได้โปรดให้สร้างเพิ่มขึ้นไปอีกเป็น 9 ชั้น มีโซ่โยงลงมาจากชายคาตรงแนวที่เป็นเหลี่ยมขององค์เจดีย์ 8 เส้น โดยแขวนกระดิ่งตามสายโซ่รวม 72 ลูก ปัจจุบันองค์เจดีย์อยู่ในสภาพทรุดโทรมมาก เนื่องจากเหตุการณ์เกิดกบฎไท้เผ็งได้ถูกเผาทำลายเมื่อ พ.ศ. 2392
สุเหร่าเซโซเฟีย
สุเหร่าเซโซเฟีย
สุเหร่าแห่งนี้ นอกจากจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยกลางแล้ว ยังเป็นสุเหร่าแห่งแรกที่มีความแปลกพิสดารกว่าสุเหร่าทั้งหลาย กล่าว เป็นสุเหร่าที่ดูกดัดแปลงมาจากโบสถ์คริสตศาสนา สุเหร่าเซโซเฟีย มีเนื้อที่ 700 ตารางเมตร ภายในมีเสาค้ำแกะสลักลวดลายไว้ไว้อย่างงดงามจำนวน 180 ต้น ชั้นล่างเป็นขนาดใหญ่ 40 ต้น และชั้นบนเป็นขนาดเล็ก 68 ต้น หลังคาเป็นรูปโรมแบน มีหอแหลมจำนวนมาก เป็นศิลปะคริสเตียนผสมกับศิลปะอิสลามจนงดงามเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแต่เดิม จักรพรรดิคอนสแตนติน เป็นผู้สร้างขึ้นเมื่อคริสตศวรรษที่ 13 เป็นโบสถ์ที่ใช้ประกอบพิธิทางศาสนาคริสตศาสนา ใช้เวลาสร้าง 17 ปี ต่อมา พระเจ้าโมฮันเหม็ดที่ 2 ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามได้ดัดแปลงโบสถ์แห่งนี้เป็นสุเหร่าอิสลาม แต่ยังคงรูปแบบความงดงามไว้อย่างเดิม อีกทั้งเติมศิลปะอิสลามเข้าไปให้วิจิตรตระการตายิ่งขึ้นอีกปัจจุบัน สุเหร่าเซโซเฟีย อยู่ในกรุงคอนแตนติโนเปิล ประเทศตุรกี จัดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลกยุคกลาง
หอไอเฟล
หอไอเฟล Eiffel Tower
หอคอยโครงสร้างเหล็ก ที่Champ de Mars บริเวณแม่น้ำแซน ในเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส สถานที่และสัญลักษณ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส ก่อสร้างในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) โดย กุสตาฟ ไอเฟล ผู้ออกแบบคนเดียวกับเทพีเสรีภาพ เพื่อเป็นสัญลักษณ์การจัดงานแสดงสินค้าโลกในปี 1889 (พ.ศ. 2413) ฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม หอไอเฟลทำขึ้นจากโลหะ 15,000 ชิ้น หนักถึง 7,000 ตัน ยึดต่อด้วยน๊อต 3,500,000 ตัว สีทาทั้งหมด 35 ตัน สูง 1,050 ฟุต สิ้นเงินค่าก่อสร้าง 7,799,401 ฟรังก์ แรกๆที่หอไอฟสร้างเสร็จ หอไอเฟลได้รับการประณามโดยทั่วไปว่าเป็นไอเดียที่ประหลาดและไม่เข้าท่า หอคอยไอเฟลได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในช่วงเวลา พ.ศ. 2432 -2473 ในปัจจุบัน หอคอยไอเฟลมีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมประมาณ 5.5 ล้านคนต่อปี นับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่
อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ
อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ Statue of Liberty
อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ หรือ รูปสแตทิวออฟลิเบอร์ตี้ เป็นอนุสาวรีย์ที่เป็นสัญลักษณ์ "เสรีภาพ" ของคนอเมริกัน เป็นรูปสตรียืนสูงเด่นอยู่บนแท่นทรงสี่เหลี่ยมสูงที่ตั้งอยู่บนฐานกว้าง 3 ชั้นรองรับกลมกลืนอย่างดี ลดหลั่นกันลงไปอยู่เบื้องล่าง ตัวเทพีสูง 152 ฟุต แขนแต่ละข้างยาว 42 ฟุต นิ้วชี้ยาว 8 ฟุต เล็บนิ้วยาว 10-13 นิ้ว ยืนอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมสูง 150 ฟุต ส่วนที่เป็นลำตัวทำด้วยทองแดงสีเขียวเทอร์คอยส์ ห่มผ้าครุยกรอมเท้า ที่ศรีษะสวมมงกุฏเป็นรัศมีเจ็ดแฉก มือขวาถือโคมไฟชูสูงขึ้นสุดแขน มือซ้ายประคองหนังสือที่ปกเขียนว่า "4 กรกฏาคม 1776" อันเป็นวันประกาศอิสรภาพของอเมริกา ไม่ขึ้นต่ออังกฤษอีกต่อไปและถือเป็นวันชาติอเมริกันมาจนทุกวันนี้ ด้านในตัวเทพีโปร่งเป็นโครงเหล็กที่ออกแบบและคำนวณโดยนายกุสตาฟไอเฟล วิศวกรชื่อดัง (ผู้สร้างหอไอเฟล) โดยแยกเป็นชิ้นส่วนบรรจุในลังทั้งหมดถึง 214 ลัง เมื่อนำมาต่อเป็นรูปร่างแล้วสูงถึง 302 ฟุต (วัดจากปลายคบไฟถึงปลายเท้า) ใช้แผ่นโลหะทองแดงในการหล่อ 32 ตัน รมสีเขียวทั้งตัวเทพี ด้านบนส่วนคบไฟติดตั้งระบบแสงไฟฟ้าสีเขียว 13,250 วัตต์ มีบันไดเวียนให้ผู้เข้าชมขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์บนส่วนที่เป็นมงกุฎของเทพี สิ้นค่าใช้จ่าย 700,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 14,000,000 บาท ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ ขนาดเนื้อที่แค่ 12 เอเคอร์ (ราว ๆ 30 ไร่) ทำทางเดินขนาดใหญ่เข้าสู่ทางด้านหลังของอนุสาวรีย์ แล้วมีทางเดินรอบเลาะริมน้ำให้ชมได้ทุกมุมนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ถึงมงกุฏ หรือ ขึ้นถึงแค่ฐานสี่เหลี่ยมต่ำกว่าเท้าขององค์อนุสาวรีย์ความเป็นมาของเทพีเสรีภาพ สัญลักษณ์แห่งความอิสระแก่ชนอเมริกันและชาวโลก ของขวัญอันยิ่งใหญ่จากชาวฝรั่งเศส เมื่อ ค.ศ. 1865 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้มีนักวิชาการหัวก้าวหน้า และกลุ่มหนุ่มไฟแรงไปพบปะสนทนาด้วยเรื่องการบ้านการเมืองที่บ้านนายเอดู อาร์ต เดอลา บูลาเยอ ถึงการปกครองที่ไม่ได้รับความเป็นเสรีภาพเสมอภาค จากองค์จักรพรรดินโปเลียนที่ 3 และพวกเขากลับไปชื่นชมชาวอเมริกันที่มีความหาญกล้า ลุกฮือกันต่อสู้กับอังกฤษจนสามารถปลดแอกออกจากอังกฤษได้สำเร็จ จากสถานการณ์และความรู้สึกนี้เองทำให้พวกเขาเกิดจุดประกายความคิดที่จะสร้างงานศิลป์ชิ้นหนึ่ง ให้เป็นของขวัญแก่ชาวอเมริกันซึ่งจะมีงานเฉลิมฉลองวันชาติอเมริกาครบ 100 ปี ในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1876 ที่จะมาถึง โดยร่วมกันรณรงค์หาเงินทุน ในการสร้างจากประชาชนฝรั่งเศสทั่วประเทศ ในที่สุดเขาเหล่านั้นก็มอบให้ เฟรเดริก ออกุสต์บาร์โธลดีศิลปินมีชื่อในการปั้นเป็นผู้ออกแบบ โดยลงมติว่าของขวัญจะเป็นรูปปั้นขนาดใหญ่ คือรูปผู้หญิงแต่งกายชุดเสื้อคลุม เหมือนชาวโรมันสวมมงกุฎมีลักษณะเป็นรูปเดือยแหลมพุ่งออกมา 7 แฉก สื่อความหมายถึง 7 ทวีป และ 7 คาบมหาสมุทรในท่ายืนชูคบไฟ ด้วยมือขวาคือเป็นผู้ให้แสงสว่างแก่เสรีภาพมือซ้ายถือแผ่นจารึกประกาศ อิสรภาพ จารึกอักษร 4 JULY 1876 เท้าข้างหนึ่งมีโซ่ตรวนที่ขาดสะบั้นแทนความหลุดพ้นจากการเป็นทาส ตัวเทพีหล่อด้วยโลหะทองแดง การดำเนินสร้างส่วนฐานติดตั้งตัวเทพี เป็นภารกิจของชนชาวมะกันที่ร่วมกันระดมทุนสร้างเป็นตึกสูง 87 ฟุต ด้วยการออกแบบของสถาปนิกชาวมะกัน ริชาร์ด มอร์ริส ฮันท์ ภายในตัวตึกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติการสร้างอนุสาวรีย์ และการสร้างชาติสหรัฐอเมริกา พิธีเปิดเป็นทางการโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ โกรฟเวอร์ คลีฟ-แลนด์ ในวันที่ 28 ตุลาคม 1886 ท่ามกลางความปีติ ของชาวอเมริกันและชาวฝรั่งเศสในยุคนั้นเป็นอย่างยิ่ง มีเรื่องเป็นทางการว่า “อนุสาวรีย์แด่อิสรภาพของอเมริกัน : เสรีภาพส่องแสงสว่างแก่ชาวโลก” (MONUMENT TO AMERICAN INDEPENDENT : LIBERTY ENLIGHTENING THE WORLD) ในวันที่ 4 กรกฎาคมของทุก ๆ ปี ชาวอเมริกันจะจัดเฉลิมฉลองวันชาติของตน ณ บริเวณอนุสาวรีย์เทพีสันติภาพแห่งนี้ด้วยความภูมิใจในความเป็นชาติมหาอำนาจ และประเทศผู้นำระบอบการปกครองประชาธิปไตยของโลกอย่างเต็มความภาคภูม ิ
นครวัด - นครธม
นครวัด - นครธม
สิ่งมหัศจรรย์ของโลกซึ่งเป็นศิลปวัตถุที่สร้างด้วยหินก้อนมหึมา วิจิตรงดงามด้วยลวดลายแกะสลัก พิศดารยิ่งใหญ่จนไม่น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือมนุษย์ ที่จริงควรจะเป็นเป็นเทวดาเนรมิตมากกว่า สิ่งมหัศจรรย์ที่จะกล่าวถึงคือ นครวัด - นครธม ปราสาทหินยิ่งใหญ่ เก่าแก่ที่สุดของขอม นครทั้งสองนี้ นครธมสร้างขึ้นก่อนนครวัด เมื่อประมาณ ค.ศ. 1345 - 1412 ซึ่งเป็นสมัยของพระเจ้าสุริยะวรรมันที่ 1 และที่ 2 กษัตริย์ผู้ทรงอำนาจของขอม
นครธม มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 25,000 ไร่ ประกอบด้วย ประกอบด้วยประสาทกระจัดกระจายอยู่ในป่าไม่ต่ำกว่า 600 แห่ง เฉพาะ นครธมเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีคูเมือง กำแพงป้อมปราการสวยงาม แข็งแรง สร้างด้วยหิน เนื้อที่ประมาณ 5,500 ไร่ เป็นเทวสถาน และพุทธสถานในบริเวณเดียวกัน ปราสาทของนครธม ทุกยอดเป็นหน้าพรหมเกือบหมดทั้งสิ้น จัดสร้างเป็นปราสาทใหญ่ ล้อมรอบด้วยปราสาทเล็กมีชื่อต่างๆกัน เช่น ปราสาทบายน ปราสาทแม่บุญ ปราสาทแปรรูป ฯลฯ
ปราสาทแปรรูป สร้างเมื่อ ค.ศ. 1554 โดยยกพื้นสูงขึ้นไป 3 ชั้น มีปรางค์ 5 ยอด ก่อสร้างด้วยอิฐ ศิลาแลง และหินก้อนใหญ่ ตั้งแต่ชั้นสองถึงยอดก่อด้วยอิฐ ปราสาทแปรรูปนี้ ใช้เป็นที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพของกษัตริย์ ปราสาทแม่บุญ สร้างเมื่อ ค.ศ. 1495 เป็นเทวสถานสำหรับประกอบพระราชพิธีบำเพ็ญกุศลต่างๆ สร้างด้วยศิลา ยกพื้นสูงเป็น 3 ชั้น ชั้นบนสุดมีปรางค์ 5 ยอด แต่ละยอดยอดใช้ก้อนอิฐเป็นรูปพรหม อันเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาพรหมณ์
ปราสาทบายน อยู่กลางของปราสาททั้งหมด เป็นปราสาทใหญ่ เข้าใจว่าเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์สร้างด้วยศิลา ยกพื้นสูง 3 ชั้น มีปรางค์ใหญ่ 9 ยอด ปรางเล็กๆ ประมาณ 30 ยอด และแต่ละยอดก่อด้วยอิฐเช่นเดียวกัน ปราสาทแต่ละหลังของนครธม ล้วนแต่วิจิตรงดงามใหญ่โตงดงามที่สุด การก่อสร้างใช้แรงมนุษย์ทั้งสิ้น ซึ่งเชื่อว่ากว่าจะสำเร็จต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก และลำบากแสนสาหัส เพราะต้องขนหินก้อนใหญ่มหึมามาทำปราสาท โดยไม่มีเครื่องทุนแรงอย่างสมัยปัจจุบัน และการแกะสลักลวดลายลงบนหินก็เป็นงานที่สำบากแสนเข็ญ กว่าจะเสร็จแต่ละชิ้นก็เลือดต่แทบกระเด็นที่เดียว
นครวัด สร้างขึ้นบนเนื้อที่นับหมื่นไร่ เป็นปราสาทหิน 3 ตอน หรือ 3 ชั้น ส่วนประกอบมีคูเมืองขนาดใหญ่ มีเขื่อนก่อสร้างด้วยศิลารอบทั้ง 4 ทิศ และมีสะพานหินที่ใหญ่โต และแข็งแรงที่สุดในโลก ทอดข้ามเข้าสู่นคร เมื่อข้ามสะพานไป ก่อนจะถึงตัวนครจะมีกำแพงล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง และมีช่องประตูขนาดใหญ่ให้เปิดเข้าไปพอถึงประตูใหญ่ จะเป็นถนนยกสูงจากพื้นดินทอดยาวไปสู่ปราสาท ซึ่งตระง่านอยู่ข้างใน ปราสาทชั้นแรก มีวัดพุทธศาสนาอยู่ทางด้านเหนือ และด้านใต้ แต่ละวัดมีพรภิกษุสามเณรจำพรรษาอยู่ ปราสาทชั้นสอง และชั้นสาม มีระเบียงตรงกลางตัดเป็นรูปกากบาทถึงกัน และมีสระน้ำทั้ง 4 ทิศ ภายนอกระเบียงปราสาททุกชั้นจะมีรูปสลักของนางฟ้า ประดับด้วยอาภรณ์สะดุดตา มีรูปพระพรหมอยู่ข้างบน และมีห้องต่างอีกหลายห้อง และห้องหนึ่งที่อยู่ข้างล่างเรียกว่า เษียมกุฏิ หรือกุฏิสยาม มีภาพแกะสลักเป็นทหารไทยเป็น กองทัพคน ช้าง ม้า แสดงแสนยานุภาพ และเป็นมิตรกับชาวเขมร สลักด้วยฝีมือประณีตมาก นครวัดสร้างวิจิตรพิศดารกว่านครธมมาก ทั้งนี้คงเพราะว่า พระเจ้าสุริยวรรมันที่ 2 คงต้องการสิ่งที่พระองค์ก่อสร้างขึ้นยิ่งใหญ่เกรียงไกรกว่าพระเจ้าสุริยะวรรมันที่ 1 ที่สร้างนครธมนั่นเอง อย่างไรก็ดี ตามการสันนิาฐานของนักประวัติสาสตร์เห็นว่า การสร้างเมืองใหญ่ด้วยหิน และด้วนยศิลปะอันแสนยากลำบากเกินกว่าที่มนุาย์จะทำได้นี้ จึงเป็นธรรมเนียมอย่างหนึ่งของขอม ซึ่งเมื่อไปมีอำนาจที่ไหนก็จะสร้างปราสาทหิน เพื่อแสดงอำนาจ และประกาศบารมีของตน ถ้าเป็นเมืองใหญ่ และสำคัญ ก็สร้างใหญ่โตมาก แต่หากเป็นเมืองเล็กมีความสำคัญน้อย ก็สร้างเล็กลง และสิลปะส่วนใหญ่มักจะเป็นสิลปะพราหมณ์ปะปนอยู่ด้วยทุกแห่ง อาทิ มักจะมีรูปอสูร และเทวดาฉุดนาคกวนเกษียรสมุทร พญานาคเจ็ดเศียรแผ่พังพานทอดหางเป็นบันได และรูปที่เกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์อื่นๆ ให้เราได้เห็นได้ทุกแห่งนครวัด - นครธม จึงนับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ทรงคุณค่าศิลปะสูงส่ง ยากที่จะหาที่ใดเสมอเสมือนได้ และยาหที่จะสร้างได้สำเร็จด้วยฝีมือมนุษย์จริงๆ ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา นครวัด - นครธม จึงจัดเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน และปัจจุบัน นครวัด - นครธม แห่งนี้อยู่ที่เมืองเสียมราฐ ในประเทศกัมพูชา
พระราชวังแวร์ซาย
พระราชวังแวร์ซาย
เดิมนั้น เมืองแวร์ซายเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น มีผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง บริเวณส่วนใหญ่เป็นป่าเขา เยี่ยงชนบทอื่น ๆ ของฝรั่งเศส เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ยังทรงพระเยาว์ ขณะพระชนมายุได้ 23 พระชันษา ทรงนิยมล่าสัตว์ในป่า และทรงเห็นว่าตำบลแวร์ซายน่าจะเหมาะแก่การประทับเพื่อล่าสัตว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักขึ้นมาใน ค.ศ.1624 โดยในช่วงแรกเป็นเพียงกระท่อมเล็กๆ สำหรับพักชั่วคราวเท่านั้น
เมื่อ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ขึ้นครองบัลลังก์ มีประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังแห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองของพระองค์ จึงเริ่มปรับปรุงพระตำหนักเดิมในปี ค.ศ.1661 ใช้เงินทั้งหมด 500,000,000 ฟรังกื คนงาน 30,000 คน และใช้เวลาอยู่ถึง 30 ปีจึงแล้วเสร็จใน๕.ส.1688ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างศิลปกรรมที่งดงามมาก ภาย ในแบ่งออกเป็นห้องๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ฯลฯ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง
การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายแห่งนี้ได้นำเงินมาจากค่าภาษีอากรของราษฎรชาวฝรั่งเศส ต่อมาจึงได้มีกองทัพประชาชนบุกเข้ายึดพระราชวังและจับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมาลีอ่องตัวเนต ประหารด้วย "กิโยติน" ในวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ.1789 ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายยังอยู่ในสภาพดีและเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้
วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553
วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
การใช้ verb to have
รูปแบบดังนี้Verb to have มี
1.ในกรณีที่ทำหน้าที่เป็นกิริยาหลัก
- verb to have อาจจะแปลว่า มีหรือ รับประทาน ก็ได้ เช่น He has a younger brother. I usually have my breakfast at 8:00.
2.ในกรณีที่ทำหน้าที่เป็นกิริยาช่วย
มักให้ verb to have อยู่หน้ากิริยาช่อง 3 เพื่อแสดงให้เห็ว่าเหตุการณ์หรือการกระทำนั้นได้เกิดขึ้นมาแล้ว เช่น
- verb to have อาจจะแปลว่า มีหรือ รับประทาน ก็ได้ เช่น He has a younger brother. I usually have my breakfast at 8:00.
2.ในกรณีที่ทำหน้าที่เป็นกิริยาช่วย
มักให้ verb to have อยู่หน้ากิริยาช่อง 3 เพื่อแสดงให้เห็ว่าเหตุการณ์หรือการกระทำนั้นได้เกิดขึ้นมาแล้ว เช่น
-We have been here since noon. He has worked here for three years.
3.เมื่อใช้ในรูปปฏิเสธ
- ใช้ verb to do คือ do,does และ did เข้ามาช่วยพร้อมกับเติม not (มีรูปย่อคือ don't, doesn't และ didn't) เช่น
I don't have seafood. She didn't have class yesterday.
4.เมื่อใช้เป็นประโยคคำถามแบบอเมริกัน
- ใช้ verb to do ช่วยโดยวางไว้หน้าประโยค เช่น Do you have a pencil? Did she have lunch already?
3.เมื่อใช้ในรูปปฏิเสธ
- ใช้ verb to do คือ do,does และ did เข้ามาช่วยพร้อมกับเติม not (มีรูปย่อคือ don't, doesn't และ didn't) เช่น
I don't have seafood. She didn't have class yesterday.
4.เมื่อใช้เป็นประโยคคำถามแบบอเมริกัน
- ใช้ verb to do ช่วยโดยวางไว้หน้าประโยค เช่น Do you have a pencil? Did she have lunch already?
Have - Have ในรูปบอกเล่า, ปฏิเสธ, คำถาม, อดีต-ปัจจุบันกาล
Present simple positive
I, You, We, They = have, 've
He, She, It = has, 's
Negative
have not, haven't
have not, haven't
has not, hasn't
Interrogative
Have.......I, you, we, they?
Has.....he, she, it?
Past simple
I, You, He, She, It, We, They = had, 'd
Present participle
having
Past participle
วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553
Verb to have
การใช้ have , has
1. เป็นกริยาสำคัญในประโยค แปลว่า มี หรือ รับประทาน
2. เป็นกริยาช่วยในโครงสร้างของรูปประโยค Perfect Tense.
แยกใช้กับประธานในประโยคดังต่อไปนี้
1. ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 ซึ่งได้แก่
He She It หรือ ชื่อคนคนเดียว สัตว์ตัวเดียว และสิ่งของอันเดียวที่ถูกกล่าวถึง ใช้ has เช่น
He has many pens. *Dang has a dog.
Her sister has a dool.*This cat has a short ear.
2. ประธานที่ไม่ใช่เอกพจน์บุรุษที่ 3 ทั้งหมด ใช้ have เช่น
*They have a big buffaloes. *The foxes have long ears.
*I have breakfast. *We have a big farm.
การสร้างประโยคที่มี have , has ให้เป็นประโยคปฏิเสธ
ใช้ do does เข้ามาช่วย โดยให้สอดคล้องกับประธาน คือ
1. ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ บุรุษที่ 3 ซึ่งได้แก่ He She It คนคนเดียว สัตว์ตัวเดียว และสิ่งของอันเดียวที่ถูกกล่าวถึง ใช้ does ตามด้วย not เป็น does not . เช่น
· He does not have brother.
· She does not have money.
· It does not have a tail.
· James does not have any pens.
does not ใช้รูปย่อเป็น doesn’ t
2. ถ้าประธานเป็นตัวอื่นที่ไม่ใช่เอกพจน์บุรุษที่ 3 ใช้ do ตามด้วย not เป็น do not . เช่น
· They do not have any brother.
· We do not have any money.
· You do not have a tail.
· James and Susan do not have any pens.
do not ใช้รูปย่อเป็น don’ t
หมายเหตุ ในประโยคปฏิเสธไม่ว่าประธานจะเป็นพจน์หรือบุรุษใด ใช้ have ทั้งหมด
การทำประโยค ที่มี have has ให้เป็นประโยคคำถาม ที่ต้องการคำตอบ Yes หรือ No หรือ Yes No Questions . มีหลักการดังนี้
1. เอา do does เข้ามาช่วย โดยวางไว้หน้าประโยค และต้องอยู่หน้าประธานของประโยค
2. ผัน do does …ให้สอดคล้องกับประธานของประโยค
3. ในประโยคคำถามให้ใช้ have เพียงตัวเดียวเท่านั้น หลังจบประโยคต้องใส่เครื่องหมายคำถาม เช่น
We have some money = Do we have some money ?
It has a tail. = Does it have a tail. ?
James and Susan have pens.
= Do James and Susan have pens ?
He has a big baffalo. = Does he has a big baffalo.?
วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ศ.ดร.วิสุทธิ์ ใบไม้ ผอ.โครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการทรัพยากรชีวภาพในประเทศไทย (Biodiversity Research and Training Program) ออกมากล่าวถึงสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันนี้ว่า สิ่งแวดล้อมในประเทศไทยน่าเป็นห่วง เพราะยังบริหารจัดการได้ไม่ดีพอ ยิ่งหากเทียบกับสิงคโปร์ที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติอย่างประเทศไทย แต่กลับจัดการได้ดีกว่า อีกทั้งการขยายถนนที่เขาใหญ่ ก็แสดงให้เห็นว่าวิธีคิดของคนไทยยังขาดจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ด้าน ศ.ดร.มรกต ตันติเจริญ รองผอ.สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ปัญหาเรื่องโลกร้อนคือวิกฤติใหญ่ ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ทั้งเรื่องการเกษตร รวมไปถึงอาหารการกิน ยกตัวอย่างเช่น ฝนตกล่าช้า ทำให้อาหารออกผลผลิตผิดฤดู เป็นต้น ซึ่งน้ำก็ขาดแคลน จำเป็นต้องหาวิธีลดการใช้น้ำ และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สำหรับนาย บัวคำศรี ผู้ประสานงานรณรงค์ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ย้ำว่า ทุกคนจะต้องช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมในทุกวัน ไม่ใช่เพียงแค่วันที่ 5 มิ.ย. เท่านั้น อีกทั้งกระทรวงทัพยากรธรรมชาติก็ได้ใช้งบอย่างมากในการจัดนิทรรศการเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ส่งผลในระยะยาว จึงควรไปทำความเข้าใจกับภาครัฐมากกว่าให้ตระหนักถึงเรื่องนี้มากกว่านี้ เพราะประชาชนคงเข้าใจดีแล้ว
นอกจากนี้ประเด็นสำคัญของสิ่งแวดล้อมที่น่าเป็นห่วง ก็ยังมีอยู่อย่างน้อย 5 อย่างด้วยกันคือ
1. มลพิษ เช่น น้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม ที่ทำให้แหล่งน้ำธรรมชาติเสื่อมโทรม และการใช้เชื้อเพลิงจนทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก เป็นต้นส
2. ขยะ ขยะหลายชนิดเป็นขยะที่ย่อยยาก อีกทั้งประชากรที่มากขึ้น ก็ทำให้เกิดขยะมากขึ้น จนเกิดผลกระทบ
3. การทำลายป่า เพราะป่าคือต้นน้ำ และเป็นทรัพยากรที่จำเป็นต่อมนุษย์
1. มลพิษ เช่น น้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม ที่ทำให้แหล่งน้ำธรรมชาติเสื่อมโทรม และการใช้เชื้อเพลิงจนทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก เป็นต้นส
2. ขยะ ขยะหลายชนิดเป็นขยะที่ย่อยยาก อีกทั้งประชากรที่มากขึ้น ก็ทำให้เกิดขยะมากขึ้น จนเกิดผลกระทบ
3. การทำลายป่า เพราะป่าคือต้นน้ำ และเป็นทรัพยากรที่จำเป็นต่อมนุษย์
4. ดินเสื่อม ที่เกิดจากการใช้สารเคมีลงบนหน้าดิน จนทำให้ดินเสื่อม และทำให้การเกษตรเป็นไปได้อย่างไม่มีคุณภาพ
5. ความหลากหลายทางชีวภาพ มนุษย์ทำลายความหลากหลายชีวภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง ซึ่งล้วนเป็นความต้องการในระยะสั้น ทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จะจัดกิจกรรมรณรงค์ที่อิมแพค เมืองทองธานี วันที่ 4-5 มิ.ย.นี้ เพื่อให้ประชาชนเกิดจิตสำนึกถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
สำหรับ วันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day) ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 40 ปีก่อน หรือเมื่อปี พ.ศ. 2515 โดยองค์กรสหประชาชาติ (UN) ที่กำหนดให้วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงการอนุรักษ์ไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อม สำหรับประเด็นที่รณรงค์วันนี้ยูเอ็นรณรงค์ภายใต้แนวคิด ความหลากหลายทางชีวภาพ กู้วิกฤตชีวิตโลก (Many Species One Planet One Future)
5. ความหลากหลายทางชีวภาพ มนุษย์ทำลายความหลากหลายชีวภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง ซึ่งล้วนเป็นความต้องการในระยะสั้น ทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จะจัดกิจกรรมรณรงค์ที่อิมแพค เมืองทองธานี วันที่ 4-5 มิ.ย.นี้ เพื่อให้ประชาชนเกิดจิตสำนึกถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
สำหรับ วันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day) ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 40 ปีก่อน หรือเมื่อปี พ.ศ. 2515 โดยองค์กรสหประชาชาติ (UN) ที่กำหนดให้วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงการอนุรักษ์ไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อม สำหรับประเด็นที่รณรงค์วันนี้ยูเอ็นรณรงค์ภายใต้แนวคิด ความหลากหลายทางชีวภาพ กู้วิกฤตชีวิตโลก (Many Species One Planet One Future)
วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553
วันหยุดสุดสัปดาห์
วัน นี้ วัน เสาร์
ที่ 19 มิ.ย. 2553
วันนี้ไม่ได้กลับบ้าน ขี้เกียจ
เลย ใช้ เวลา มา นั่ง เขียน ข้อความ
แล้ว ก้อ เปิด ดู เนื้อ หารายวิชา ที่อาจารย์ บอก
แล้วก้อนั่ง ปรับ ปรุง Blong ของ ตน เอง เล่น ดู
ที่ 19 มิ.ย. 2553
วันนี้ไม่ได้กลับบ้าน ขี้เกียจ
เลย ใช้ เวลา มา นั่ง เขียน ข้อความ
แล้ว ก้อ เปิด ดู เนื้อ หารายวิชา ที่อาจารย์ บอก
แล้วก้อนั่ง ปรับ ปรุง Blong ของ ตน เอง เล่น ดู
วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553
แค่บรรยายกาศ ...
การที่โลกเป็นทุกวันนี้ก้อเพราะใคร
ทามไมมันจึงเป็น
เป็นเเล้วต้องเดือนร้อนใคร ถ้าไม่ใช่คนทั้งโลก
ร่วมใจกันรักโลกเถอะค่ะ
ทามไมมันจึงเป็น
เป็นเเล้วต้องเดือนร้อนใคร ถ้าไม่ใช่คนทั้งโลก
ร่วมใจกันรักโลกเถอะค่ะ
วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)